พี่สอนยังไงให้นักเรียนได้ 7.0 Speaking
สวัสดีครับน้อง ๆ ว่าที่ผู้พิชิต IELTS ทุกคน พี่เชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนที่กำลังเตรียมตัวสอบ IELTS Speaking คงเคยเจอปัญหาคล้าย ๆ กันใช่ไหมครับ? คือพูดได้นะ แต่ทำไมคะแนนไม่ขึ้นซักที? ยิ่งตอนซ้อมตัวต่อตัวกับติวเตอร์ หรือแม้แต่ตอนซ้อมกับตัวเอง พอเจอคำถามเดิม ๆ ก็ตอบไม่เหมือนเดิมซักครั้ง ทำให้จับจุดไม่ได้ว่าต้องแก้ตรงไหน วันนี้พี่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของพี่ ตั้งแต่เริ่มสอน IELTS มาตั้งแต่ปี 2018 ที่ทำให้พี่ค้นพบ "จุดเปลี่ยน" สำคัญในการออกแบบคอร์ส Speaking ครับ พี่จะยกตัวอย่างน้องคนนี้ที่เรียน IELTS Speaking Online ได้จาก 5.5 ไป 7.0 ด้วยครับ

จุดเริ่มต้น: ความท้าทายในการสอน Speaking และ "ความคาดเดาไม่ได้" ของผู้เรียน
ย้อนกลับไปตอนที่พี่เริ่มสอน IELTS ใหม่ ๆ พี่สังเกตเห็นว่าปัญหาหลักของน้อง ๆ หลายคนในการฝึก Speaking คือ ความไม่สม่ำเสมอ ครับ แม้ว่าจะเป็นการเรียนแบบตัวต่อตัวก็ตาม ทุกครั้งที่น้อง ๆ เข้ามาเรียน น้องมักจะพยายามใช้โครงสร้างประโยคที่แตกต่างกันไปเรื่อย ๆ และก็มักจะทำผิดพลาดซ้ำ ๆ โดยที่อาจจะไม่เห็นการพัฒนาที่ชัดเจนเท่าที่ควร
พี่ขอยกตัวอย่างสถานการณ์ที่พี่เจอบ่อย ๆ นะครับ สมมติพี่ถามน้องคนหนึ่งว่า:
“What are the most interesting things about your hometown?”
ครั้งแรกที่เจอกัน น้องอาจจะตอบว่า: “Oh, I love food my hometown. Also I appreciate that people with my hometown were really kind.”
พี่ก็จะให้ฟีดแบ็กไปว่า: โอเค ประโยคต้องยาวกว่านี้นะ แล้วก็แกรมมาร์ตรง "people...were really kind" เนี่ย ถ้าเราพูดถึงลักษณะทั่วไปของคนในบ้านเกิดที่ยังเป็นแบบนั้นอยู่ ควรจะเป็น "people in my hometown are really kind" นะครับ
ครั้งที่สองที่เจอกัน พี่ถามคำถามเดิม: “What are the most interesting things about your hometown?”
น้องอาจจะเปลี่ยนคำตอบเป็น: “Oh, I like so many things so I like the food in my hometown and I like it because many people are kind and of course I have all my friends there so I really miss my hometown.”
พี่ก็จะให้ฟีดแบ็กไปว่า: คราวนี้น้องอาจจะตอบยาวขึ้น แกรมมาร์อาจจะดีขึ้น แต่...น้อง ๆ เห็นไหมครับว่าคำตอบมันเปลี่ยนไปอีกแล้ว และถึงแกรมมาร์จะถูก แต่ถ้าไม่มีคำเชื่อม (transitional words) ที่ดี หรือไม่มีโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อน (complex structures) คะแนนก็อาจจะยังไม่สูงเท่าที่ควร พี่ก็อาจจะแนะนำให้น้องลองใช้ complex structures เช่น "even though," "although" ดู
ครั้งที่สามที่เจอกัน พี่ก็ยังถามคำถามเดิมอีกครับ: “What are the most interesting things about your hometown?”
น้องอาจจะพยายามใช้คำแนะนำของพี่แล้วตอบว่า: “Although people in my hometown are poor, I really like them because they are kind. Also, I like that the food there is amazing and people are very polite.”
พี่ก็จะให้ฟีดแบ็กไปว่า: คราวนี้ดีขึ้นมากเลยครับ มีการใช้ "although" แต่...น้อง ๆ เห็นไหมครับว่ามัน "คาดเดาไม่ได้" เลย ในแต่ละครั้งที่พี่ให้คอมเมนต์ไป น้องก็จะมีวิธีการตอบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ข้อดีคือมีความเป็นธรรมชาติ แต่ข้อเสียคือความไม่แน่นอนนี่แหละครับที่อาจจะทำให้น้อง ๆ เสียคะแนนได้ ถ้าวันสอบจริงน้องคิดอะไรดี ๆ ออกมาได้ทันทีก็โชคดีไป แต่ถ้าเกิดตื่นเต้น กดดัน แล้วใช้แกรมมาร์หรือโครงสร้างผิด ๆ คะแนนก็จะน้อยลงทันที
"จุดเปลี่ยน" ในการออกแบบคอร์ส Speaking ของพี่
ความ "คาดเดาไม่ได้" นี่แหละครับคือสิ่งที่พี่อยากจะกำจัดออกไปในการสอน Speaking ของพี่ มันกลายเป็น "จุดเปลี่ยนสำคัญ" ในการออกแบบหลักสูตรของพี่เลยครับ
พี่คิดว่าหัวใจสำคัญคือ น้อง ๆ มีเวลาตอบคำถาม Speaking ทั้งหมดแค่ 10-13 นาที เท่านั้นเองครับ ดังนั้น สิ่งที่น้อง ๆ ต้องการคือ "ความแม่นยำและมั่นใจ" น้อง ๆ ต้องรู้เลยว่าจะใช้ Pattern ไหนในการตอบคำถามแต่ละประเภท
ยกตัวอย่างคำถามเดิมนะครับ: “What are the most interesting things about your hometown?” สำหรับคำถามประเภทนี้ พี่จะให้น้อง ๆ ใช้ Pattern ที่มีการใช้คำว่า “Firstly,” “Secondly,” และ “Most importantly,” หรือเทคนิคอื่น ๆ ที่ช่วยจัดระเบียบคำตอบ สิ่งนี้จะช่วยให้คำตอบของน้อง ๆ "คาดเดาได้" ในแง่ของโครงสร้างที่ดี ซึ่งมันจะส่งผลโดยตรงให้คะแนนในส่วนของ Fluency (ความคล่องแคล่ว) และ Grammar (ไวยากรณ์) ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และไม่เพียงแค่นั้นนะครับ มันยังช่วยให้การใช้ Vocabulary (คำศัพท์) ของน้อง ๆ ตรงประเด็นและเหมาะสมขึ้นด้วย
และพอน้อง ๆ เริ่มเชี่ยวชาญกับ Pattern ที่แน่นอนตรงนี้แล้วนะครับ มันเหมือนเรามีโครงสร้างบ้านที่แข็งแรง ทีนี้เราก็สามารถโฟกัสไปที่การ "ตกแต่งภายใน" คือการเลือกใช้คำศัพท์ (Vocabulary) ให้หลากหลายและเหมาะสม รวมถึงการขัดเกลาไวยากรณ์ (Grammar) ให้เป๊ะยิ่งขึ้นได้ โดยไม่ต้องพะวงกับการเปลี่ยนโครงสร้างการตอบไปมาทุกครั้งครับ เพราะน้อง ๆ รู้ไหมครับว่า ทุกครั้งที่เราพยายามจะเปลี่ยน Pattern การตอบใหม่ทั้งหมดโดยที่เรายังไม่คล่องกับมันเนี่ย สมองเราจะมัวแต่กังวลกับการเรียบเรียงโครงสร้างใหม่ จนทำให้แกรมมาร์ของเราผิดพลาดได้ง่าย ๆ และ Flow หรือความลื่นไหลในการพูดก็จะสะดุดติดขัดไปด้วยครับ แต่พอ Pattern เรานิ่งและแข็งแรงแล้ว การจะมองหาจุดบกพร่องอื่น ๆ ในคำตอบของเรา เช่น แกรมมาร์ที่ยังไม่ถูกเป๊ะ หรือการใช้คำศัพท์ที่ยังไม่สื่อความหมายได้ดีที่สุด แล้วค่อย ๆ แก้ไขมันจะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ นี่ก็เป็นอีกหัวใจสำคัญในวิธีการสอนของพี่เลยครับ
ทำไมคอร์ส IELTS Speaking ของพี่ถึงแตกต่างและการันตีคะแนนที่ดีขึ้นได้?
- Pattern สำเร็จรูป พร้อมใช้: พี่จะให้น้อง ๆ มี Pattern ที่ชัดเจนสำหรับคำถามแต่ละประเภท น้อง ๆ ไม่จำเป็นต้องไป "ด้นสด" หน้างาน ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อคะแนนได้ครับ Pattern เหล่านี้จะช่วยให้น้อง ๆ ตอบได้ลื่นไหลและครบถ้วนตามที่ IELTS ต้องการ
- คลังคำศัพท์เฉพาะทาง ตรงประเด็น: พี่จะให้คำศัพท์ที่เหมาะสม ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เพราะสุดท้ายแล้วเรามีเวลาแค่ 10 กว่านาที ไม่จำเป็นต้องใช้ศัพท์สูงส่งจนจำไม่ได้ แต่เน้นคำศัพท์ที่น้อง ๆ สามารถ "ใช้ได้จริงและใช้ได้คล่อง" ในหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
- พิชิต Part 2 อย่างมั่นใจ: ใน Part 2 ที่น้อง ๆ หลายคนกลัว เพราะต้องพูดคนเดียวถึง 2 นาที พี่จะมี โครงสร้างที่ชัดเจน ให้น้อง ๆ เอาไปปรับใช้ได้เลยครับ มันจะช่วยให้น้องพูดได้คล่องขึ้น มั่นใจขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องด้นสดไปตามหัวข้อที่จับได้
- ครอบคลุมทุกหัวข้อคำศัพท์ที่ออกสอบบ่อย: จากประสบการณ์สอนตั้งแต่ปี 2018 พี่รู้เลยครับว่าข้อสอบ IELTS Speaking เนี่ย หัวข้อที่ออกมันค่อนข้างจะ "คาดเดาได้" พี่จึงรวบรวมและครอบคลุมคำศัพท์ที่จำเป็นสำหรับหัวข้อเหล่านั้นไว้ให้น้อง ๆ หมดแล้ว
นี่คือเหตุผลที่ทำไมน้อง ๆ หลายคนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษมาระดับหนึ่ง เช่น อาจจะได้ 5.5 พอมาเรียนกับพี่ ปรับมายด์เซ็ทและวิธีการตอบโดยใช้ Framework และโครงสร้างที่พี่ให้ไป แทนที่จะต้องด้นสดไปกับทุกคำถาม แล้วเสี่ยงกับการทำพลาดทั้งแกรมมาร์ คำศัพท์ การออกเสียง หรือการใช้คำเชื่อม พวกเขาก็สามารถอัปคะแนนตัวเองไปถึง 7.0 ได้ครับ

หวังว่าบทความนี้จะทำให้น้อง ๆ เห็นภาพการสอนและแนวคิดของพี่ชัดเจนขึ้นนะครับ ถ้าเรามี "อาวุธ" ที่พร้อม การสอบ IELTS Speaking ก็จะไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไปครับ! สู้ ๆ นะครับน้อง ๆ ทุกคน!